5 พฤติกรรมของผู้เลี้ยงในเมืองที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพสุนัข

หากเราลองสังเกตดูผู้เลี้ยงน้องหมาที่อาศัยอยู่ในตัวเมือง จะเห็นได้ว่า ผู้เลี้ยงแทบทุกคนต่างก็มีวิถีชีวิตที่เร่งรีบและต้องทำงานแข่งกับเวลาเพื่อความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน จึงทำให้ผู้เลี้ยงหลาย ๆ คน หลงลืมหรือบ้างก็ละเลยการใส่ใจดูแลสุขภาพน้องหมาในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ไป ซึ่งการละเลยในการดูแลน้องหมาของผู้เลี้ยงนี้เองที่จะส่งผลเสียต่อสุขภาพของน้องหมา ทำให้น้องหมาป่วยเป็นโรคต่าง ๆ ได้ …

สูบบุหรี่ / จุดธูปหรือยาจุดกันยุงใกล้สุนัข

     

สำหรับผู้เลี้ยงที่มักสูบบุหรี่ จุดธูปไหว้พระ หรือจุดยาจุดกันยุงในพื้นที่บ้านที่มีน้องหมาอยู่เป็นประจำ แนะนำว่า ให้ผู้เลี้ยงปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านี้กันใหม่นะคะ เพราะว่า การสูบบุหรี่ จุดธูป (ธูปมีสารเคมีก่อมะเร็งที่เกิดจากการเผาไหม้ 3 ตัว ได้แก่ เบนซีน บิวทาไดอีน และเบนโซเอไพรีน) หรือจุดยากันยุงอยู่ใกล้ ๆ กับน้องหมานั้นถือเป็นการทำลายสุขภาพของน้องหมาในระยะยาว เช่น ทำให้น้องหมาเป็นโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง มะเร็งในระบบทางเดินหายใจและช่องปาก ฯลฯ ได้ค่ะ
ซึ่งผู้เลี้ยงสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวผู้เลี้ยงเองเพื่อไม่ให้กระทบต่อสุขภาพของน้องหมาและไม่ทำให้น้องหมาเสี่ยงต่อโรคทางเดินหายใจในอนาคตได้ เช่น หากผู้เลี้ยงต้องการจุดธูปหรือสูบบุหรี่ก็ควรแยกห้องหรือจัดพื้นในการสูบบุหรี่ให้เป็นสัดส่วน โดยควรอยู่ห่างจากน้องหมาเพื่อไม่ให้น้องหมาสัมผัสกับควันบุหรี่หรือควันธูปค่ะ
และจากเมื่อก่อนที่ใช้ยาจุดกันยุงทั่วไปจุดไว้ใกล้ ๆ กับน้องหมา ก็ควรเลือกเปลี่ยนมาใช้ยากันยุงที่ผลิตสำหรับน้องหมาโดยเฉพาะแทน เพราะยาจุดกันยุงสำหรับสุนัขจะมีกลิ่นและควันในปริมาณที่น้อยมากเมื่อเทียบกับยาจุดกันยุงทั่วไป รวมถึงยังมีขดใหญ่ที่สามารถจุดได้ยาวนานขึ้น ซึ่งจะช่วยครอบคลุมบริเวณที่น้องหมาหลับได้และไม่โดนยุงกัด หรือทางที่ดีผู้เลี้ยงก็อาจจะเลือกใช้วิธีซื้อกรงที่มีมุ้งลวดกันยุงมาให้น้องหมานอนก็ได้ค่ะ

 

ให้สุนัขกินน้ำประปาหรือว่ายน้ำในสระคลอรีน

 

กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับผู้เลี้ยงที่อาศัยอยู่ในเมืองกันไปแล้วค่ะ สำหรับการนำน้ำประปาที่สามารถหาได้ง่ายให้กับน้องหมาดื่มกิน หรือแม้กระทั่งการพาน้องหมาไปว่ายน้ำในสระน้ำที่มีส่วนผสมของคลอรีน … ซึ่งเพื่อน ๆ รู้กันไหมคะว่า การนำน้ำประปามาให้น้องหมาดื่มกิน หรือการให้น้องหมาว่ายน้ำในสระที่มีคลอรีนในปริมาณสูงนั้น สามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพของน้องหมา ทำให้น้องหมาเจ็บป่วยได้
โดยทางองค์การต่อต้านการทารุณสัตว์ ในประเทศ สหรัฐอเมริกา (ASPCA) ได้จดทะเบียนในปี 2008 ว่า คลอรีนในสระว่ายน้ำ เป็น 1 ในสารพิษ 10 อย่าง ที่ส่งผลต่อสุขภาพของสุนัข ซึ่งสุนัขที่ว่ายน้ำในสระว่ายน้ำที่มีส่วนผสมของคลอรีนจะเกิดปัญหาสุขภาพ ต่าง ๆ เช่น เกิดความระคายเคือง แสบ คันที่ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังเกิดการอักเสบ (ผิวหนังของสุนัขจะมีความบอบบางและเกิดการระคายเคืองได้ง่าย) ตาแดง หายใจลำบาก รวมถึงสุนัขที่กินน้ำที่มีส่วนผสมของคลอรีนก็จะมีอาการแสบร้อนที่คอ คอบวม และมีอาการปวดแสบปวดร้อนในช่องท้อง ทำลายระบบย่อยอาหาร ฯลฯ ได้ค่ะ

นอกจากนี้ คลอรีนในสระว่ายน้ำยังส่งผลกระทบต่อสีขนของสุนัข ทำให้สีขนของสุนัขอ่อนและซีดลงได้อีกด้วย ทางที่ดีเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้สุนัขเจ็บป่วยจากการสัมผัสกับน้ำคลอรีน ที่จะส่งผลเสียต่อสุขภาพ ผู้เลี้ยงควรเปลี่ยนจากการให้น้องหมาดื่มกินน้ำประปามาเป็นให้น้ำสะอาดที่ ผ่านการกรอง และเลือกใช้บริการสระว่ายน้ำที่ใช้ระบบน้ำเกลือแทนสระว่ายน้ำที่ใช้ส่วนผสม เป็นคลอรีนเพื่อสุขภาพของน้องหมาจะดีที่สุดค่ะ

ฉีดน้ำหอม น้ำมันหอมระเหย / สเปรย์ปรับอากาศ /ครีมทาผิว

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ผู้เลี้ยงน้องหมาหลาย ๆ คนมักมีรสนิยมชื่นชอบการฉีดน้ำหอมเพื่อเพิ่มเสน่ห์ให้กับตัวเอง ใช้น้ำมันหอมระเหย ใช้สเปรย์ปรับอากาศเพื่อเพิ่มบรรยากาศให้บ้านน่าอยู่มากขึ้น หรือในบางคนก็อาจจะใช้ครีมบำรุงผิว ครีมกันแดดทาบำรุงผิวอยู่เสมอ … ซึ่งการใช้น้ำหอม น้ำมันหอมระเหย หรือใช้สเปรย์ปรับอากาศอยู่เป็นประจำนั้นไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร แต่รู่ไหมคะว่า สิ่งเหล่านี้ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ส่งผลเสียทำให้น้องหมาเกิดปัญหาต่อสุขภาพน้องหมาในระยะยาวได้เช่นกัน
เนื่องจากในน้ำหอม น้ำมันหอมระเหย หรือสเปรย์ปรับอากาศ จะมีสารเคมีซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพของน้องหมาผสมอยู่ เช่น สารพาทาเลต ซึ่งเป็นสารเคมีตัวเดียวกันกับที่ใช้ในการทำให้พลาสติกอ่อนตัวลง และใช้ในการทำกาวต่าง ๆ อะซีโทน ที่พบได้ทั่วไปในทินเนอร์และน้ำยาล้างเล็บ และสารเคมีอื่น ๆ อีกหลายชนิด ที่ทำให้น้องหมาเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาเรื่องระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง เป็นโรคเกี่ยวกับผิวหนังและระบบประสาท ฯลฯ หากน้องหมาสัมผัส สูดดมละอองน้ำหอมหรือเลียสารเคมีต่าง ๆ เหล่านี้เข้าไป

ดังนั้น ผู้เลี้ยงจึงต้องระวังการฉีดน้ำหอม โดยหลีกเลี่ยงการฉีดน้ำหอมในพื้นที่โล่งหรือบริเวณที่มีน้องหมาอยู่มาเป็นการฉีดน้ำหอมในพื้นที่จำกัด เช่น ห้องน้ำ ห้องนอน ฯ แทนจะดีกว่าค่ะ หรือในผู้เลี้ยงที่ใช้ครีมทาผิว ครีมกันแดด หรือใช้เครื่องสำอางแต่งหน้าเป็นประจำ ก็ควรที่จะต้องระมัดระวังไม่ให้น้องหมาเลียผิวหนังหรือใบหน้า เพราะส่วนมากครีมทาผิวสำหรับคนเราจะมีส่วนผสมของสารเคมีชนิดต่าง ๆ เช่น กรดซาลิไซลิก กรดวิตามินเอ สารกันเสีย สารป้องกันแสงแดด ฯลฯ ที่เป็นอันตรายต่ออวัยวะภายใน ทำให้น้องหมาเจ็บป่วย หากน้องหมาเลียหรือกลืนกินเข้าไปค่ะ
หรืออีกทางป้องกันที่ดีเพื่อไม่ให้น้องหมาเลียหรือสัมผัสกับครีมบำรุงผิวต่าง ๆ คือ ทุกครั้งที่ผู้เลี้ยงจะเล่นหรืออุ้มน้องหมา ผู้เลี้ยงควรที่จะล้างมือ ล้างแขนขาที่ทาครีมบำรุงเอาไว้ออกก่อนสัมผัสตัวน้องหมา เพื่อป้องกันไม่ให้น้องหมาเลียเอาครีมบำรุงผิวต่าง ๆ เข้าไป ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่จะทำให้ผู้เลี้ยงรู้สึกไม่กังวลและสามารถเล่นกับน้องหมาได้อย่างมีความสุขค่ะ

ใช้น้ำยาหรือสารเคมีทำความสะอาดบ้าน / ยากำจัดแมลง

ถือเป็นเรื่องปกติที่ผู้เลี้ยงทุก ๆ บ้านจะต้องใช้น้ำยาหรือสารเคมีต่าง ๆ ในการดูแลทำความสะอาดบ้าน เช่น น้ำยาล้างห้องน้ำ น้ำยาถูพื้น หรือแม้กระทั่งยากำจัดแมลง เพื่อทำให้บ้านสะอาด น่าอยู่มากยิ่งขึ้น … แต่เพื่อน ๆ รู้ไหมคะว่าการใช้น้ำยาหรือสารเคมีทำความสะอาดบ้านต่าง ๆ เหล่านี้ สามารถก่อให้เกิดอันตรายกับบ้านที่มีเด็กอ่อน หรือเลี้ยงน้องหมาอยู่ภายในบ้านได้
เนื่องจากผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบ้านต่าง ๆ มักมีส่วนผสมของสารเคมีหลากหลายชนิดที่มีฤทธิ์กัดกร่อน เช่น กรดไฮโดรคลอริก กรดฟอสฟอริก สารลดแรงตึงผิว ฯ เมื่อน้องหมาเลียหรือสัมผัสกับน้ำยา ก็จะส่งผลทำให้น้องหมาเกิดอาการผื่นแพ้ผิวหนังจากการสัมผัส ผิวหนังอักเสบและผิวหนังไหม้ได้ค่ะ

ถึงแม้ว่า ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบ้านหรือยากำจัดแมลงจะเป็นสารเคมีอันตรายที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพของน้องหมา แต่เพื่อน ๆ ก็สามารถใช้น้ำยาทำความสะอาดบ้านหรือยากำจัดแมลงนี้ได้นะคะ แต่ต้องจำให้ขึ้นใจเสมอว่า เราต้องคอยควบคุมการใช้งานที่อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะตามฉลากข้างขวด ไม่ผสมน้ำยาในปริมาณที่เข้มข้นเกินไป แนะนำว่า หลังจากที่เราทำความสะอาดพื้นด้วยน้ำยาที่มีส่วนผสมของสารเคมีแล้ว ให้ถูด้วยน้ำเปล่าสะอาดซ้ำอีกซัก 1-2 ครั้ง เพื่อล้างสารเคมีที่อาจตกค้างอยู่บริเวณนั้น ๆ ออก และในระหว่างที่ทำความสะอาดบ้านอยู่ ก็ให้แยกน้องหมาให้อยู่ห่างจากบริเวณที่ทำความสะอาดก่อน ไม่ควรให้น้องหมาไปอยู่ในบริเวณที่เพิ่งทำความสะอาดใหม่ ๆ เพราะน้องหมาอาจะเลียหรือสัมผัสกับน้ำยาได้ค่ะ

 

ให้สุนัขกินอาการตามใจปาก
 

เชื่อว่า ผู้เลี้ยงน้องหมาที่อาศัยอยู่ในเมือง ที่ส่วนมากจะมีวิถีชีวิตที่เร่งรีบและต้องทำงานแข่งกับเวลา มักจะเลือกรับประทานอาหารฟาสต์ฟู้ดหรืออาหารขยะเพื่อเป็นการประหยัดเวลาให้สามารทำงานและภาระหน้าที่ต่าง ๆ ได้มากขึ้น ซึ่งในบางครั้งผู้เลี้ยงก็อาจจะแบ่งอาหารต่าง ๆ เหล่านั้นให้กับน้องหมา หรือหลังให้อาหารมื้อหลักอย่างอาหารสำเร็จรูปแก่น้องหมาเสร็จทุกครั้งก็มักจะมอบขนมขบเคี้ยวแก่น้องหมา เพราะคิดว่าน้องหมาก็ต้องการขนมหวานตบท้ายมื้ออาหารเหมือนกับคนเราเช่นกัน …
ซึ่งต้องขอบอกเลยค่ะว่า การที่ผู้เลี้ยงมอบอาหารฟาสต์ฟู้ดหรืออาหารขยะ ขนมตบท้ายมื้ออาหารให้แก่น้องหมานั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องเลยค่ะ เพราะว่า การให้อาหารคนกับน้องหมาเป็นประจำจะทำให้น้องหมาได้รับสารอาหารไม่เพียงพอต่อร่างกาย หรือได้รับสารอาหารตัวเดิม ๆ มากเกินไป ทำให้ส่งผลเสียต่อระบบของร่างกายของน้องหมา ทำให้น้องหมาป่วยเป็นโรคต่าง ๆ ที่ได้  เช่น  โรคไต โรคอ้วน ฯ ซึ่งมักตรวจพบในน้องหมาที่กินอาหารคนเข้าไปอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ
ขอบคุณข้อมูลจาก:http://www.dogilike.com